เทศน์เช้า

เทศน์ก่อนเวียนเทียน วันวิสาขบูชา

๑๕ พ.ค. ๒๕๔๖

 

เทศน์ก่อนเวียนเทียน วันวิสาขบูชา
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๖
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้วันสำคัญ ฟังเทศน์นิดหนึ่ง เดี๋ยวจะพาเวียนเทียน เพราะต้องคุยให้ฟังนิดหนึ่ง เพราะมาแล้วมันจะได้ประโยชน์ไปไง ถ้าเรามาแล้วเราเวียนเทียนกันเลย เราก็เวียนเทียนไป

วันนี้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นวันให้เรามาเวียนเทียนกัน เพราะเป็นวันสำคัญ วันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิด ตรัสรู้ ปรินิพพาน วันของศาสนาไง ถ้าไม่มีวันนี้ไม่มีศาสนาพุทธ

แล้วเราเกิดมาในศาสนาพุทธ เพราะศาสนาพุทธพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาเป็นเจ้าของศาสนา แล้วเผยแผ่ธรรมขึ้นมา เผยแผ่ออกไปจนคนเข้าใจธรรมตามความเป็นจริงตั้งแต่สาวกเริ่มตั้งแต่ทีแรก ๖๐ องค์เป็นพระอรหันต์ทั้งหมดเลย แล้วได้มาอีกเป็น ๑,๐๐๐ แล้วออกเผยแผ่ไง

เริ่มต้นออกมาศาสนาบริสุทธิ์ สิ่งที่ศาสนาบริสุทธิ์ ในการประพฤติปฏิบัติ การเข้าใจธรรมมันถึงเข้าถึงโดยการว่านอนสอนง่าย แต่พวกเรานี่มันหยาบ มันมาทีหลัง มาทีหลังในศาสนา เชื่อศาสนาครึ่งหนึ่งไม่เชื่อครึ่งหนึ่ง เลยต้องมีวันสำคัญมาไว้ให้เราคอยระลึกถึงพระพุทธเจ้าไง ระลึกถึงเจ้าของศาสนา เจ้าของศาสนาตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้ววางเป็นประเพณี

ประเพณี เห็นไหม มีการช่วยเหลือ มีการเอื้อเฟื้อ มีการเผื่อแผ่กันมาเป็นสังคมชาวพุทธ สังคมชาวพุทธทำให้เราเกิดมาแล้วมีความสุข ในศาสนาอื่นๆ ของเขา เขาว่าเขามีความสุข สุขทางวัตถุนะ

เวลาหนังมาฉาย เวลาเขาให้สารคดีมาดู ดูแต่สิ่งที่ดีๆ มันก็มีเหมือนกัน มีคนมีทุกข์ยากเหมือนกัน คนทุกข์คนยาก เวลาทุกข์ยากขึ้นมามันทุกข์ยากเหมือนกัน แต่เราศาสนาพุทธ เวลาเรื่องของคน ย้อนกลับมาที่หัวใจ พยายามทำใจของเรา พยายามเข้าใจเรื่องของใจ แก้ไขเรื่องทุกข์ไง

เรื่องของเครื่องอยู่อาศัยก็อาศัยกันชั่วคราว มีมากมีน้อยก็อาศัยเจือจานกัน มีเรื่องของทาน มีเรื่องของศีล เรื่องของภาวนา มีเหตุนั้นขึ้นมาเพื่อให้ชาวพุทธมาเพื่อประพฤติปฏิบัติ ในเรื่องของศาสนา เราระลึกถึงศาสนาก็ระลึกถึงตัวเรา เราระลึกถึงศาสนานะ ตัวเราเพราะอะไร?

เพราะศาสนาเกี่ยวกับเรื่องของหัวใจ เราทำมาหากินทั้งวันทั้งคืน เราอยู่มา วันหนึ่งๆ วันยันค่ำคืนยันรุ่งเราก็ทำมาหากิน เราไม่ได้นึกถึงตัวเองเลย แต่พอถึงวันสำคัญขึ้นมา เราระลึกถึงตัวเองขึ้นมา เรามาเวียนเทียน เห็นไหม ให้ระลึกถึงหัวใจ

หัวใจกินบุญกุศลเป็นอาหาร บุญกุศลเข้าถึงใจแล้วใจจะมีความสุข ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติเข้าถึงใจเลยนะ มันอาหารของธรรม มันละเอียดอ่อนเข้าไปเป็นชั้นเป็นตอนเข้าไปลึกซึ้งกว่านี้มาก เพียงแต่ว่าผู้ที่เขาเห็นประโยชน์ เห็นไหม วันเวลาของเขาจะมีคุณค่าทุกวัน ทุกวันมีคุณค่าทั้งหมดเลยเพราะเขาปฏิบัติบูชา เขาภาวนาของเขา ทุกวันของเขามีค่า แล้วยิ่งมาวันสำคัญขึ้นมา เขายิ่งต้องพยายามประพฤติให้หนักเข้าไปอีก เขาจะทำของเขาเพื่อจะให้อุกฤษฏ์ของเขาขึ้นไป เพื่อให้เขาเข้าถึงบุญกุศล

วันสำคัญของคนที่ว่าหัวใจเขาเข้าถึงศาสนา เขาสำคัญเพราะเขาเข้าใจเรื่องธรรม เรื่องธรรมเรื่องของชีวิต ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด แล้วเวลาพลัดพรากไป เวลาตายไป เราจะมีอะไรเป็นเครื่องไปกับใจดวงนั้น ถึงว่าต้องเป็นบุญกุศลไปกับใจดวงนั้นไง

การเวียนเทียนมันได้บุญอย่างนี้ ได้บุญถึงว่าให้เข้าใจตัวเอง ให้เวลาให้โอกาสตัวเอง ตัวเองสร้างบุญกุศลเพื่อเรา เพื่อใจดวงนี้ ให้ใจดวงนี้เข้าถึงพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้สิ่งต่างๆ ขึ้นมาในหัวใจ แต่ของเรานี่ เราไม่รู้ เรารู้แต่สิ่งที่ว่ามันเป็นเงาของใจ เป็นความคิดไง ความคิดเป็นแขกจรมา เดี๋ยวก็คิด เดี๋ยวก็ลืม เดี๋ยวก็คิด เดี๋ยวก็ลืม สัญญาต้องคอยตอกย้ำอยู่ตลอดเวลา เราคิดแต่อย่างนี้ เราเข้าไม่ถึงหัวใจ เราทำถึงใจไม่ได้ เราก็อาศัยคุณงามความดี คิดดีไปก่อนไง

คิดดี-คิดชั่ว ถ้าคิดชั่วมันก็คิดไปตามกระแสโลก ไม่เชื่อนะ จะไม่เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ ว่าอย่างนั้นนะ เพราะว่าไร้สาระ ชีวิตเขาถึงไร้สาระ เขาจะทำของเขาอยู่อย่างนั้นไป เวลาจะตายไปมันยึดมั่นนะ ยึดเรื่องโลก ยึดลูก ยึดสงสาร ยึดทั้งหมด แล้วก็ไปพร้อมกับความกระวนกระวายใจ นั่นน่ะเวลาเขาจะไป เขาไม่มีสมบัติของเราไปเลย แต่ผู้ที่มีบุญกุศล เห็นไหม สร้างมานะ

ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด เราได้สร้างบุญกุศลมาเป็นของเราแล้ว เรามีบุญของเราไป คนที่จะเดินทางมีเสบียงอาหารพร้อม มันพร้อมที่จะไปไหนก็ไปได้ เพราะเราต้องเวียนตายเวียนเกิด ยังจะต้องเดินทางไปในวัฏฏะนี้ ท่องวัฏฏะนี้ไปตลอด จิตนี้ไม่มีวันตาย จิตนี้มีหมุนเวียนไปตลอด แล้วเราก็จะหมุนเวียนไปพร้อมกับเรามีบุญกุศลไป

ศาสนาสอนอย่างนี้ ให้เรามีบุญกุศล บุญ เห็นไหม ทำอย่างนี้ เวียนเทียนนี่เป็นบุญได้ขนาดไหน? เป็นบุญสิ เป็นบุญเพราะเรานึกถึงตัวเอง นึกถึงพุทโธ พุทโธ รอบแรกให้นึกพุทโธ รอบที่ ๒ ให้นึกธัมโม สังโฆ พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของเรา

ที่พึ่งของเรา เห็นไหม เวลานึกพุทโธ พุทโธนี่ ผีหลอกก็ไม่หลอกนะ ถ้าคนจริง นึกพุทโธจริงๆ นี่ผีไม่มีหลอก ผีไม่กล้าเข้ามา เพราะว่าผีกลัวพุทโธ พุทโธในใจของเรา แต่เราไม่จริง เวลานึกพุทโธนี่ นึกพุทโธ พุทโธ... พุทโธจะมีอะไร

เพราะเราไม่เข้าใจไง เราไม่เข้าใจตามความเป็นจริงว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสำคัญขนาดไหน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่เป็นครูของเทวดา เป็นครูของสัตว์โลกทั้งหมด สำคัญมาก แล้วทุกคนเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรานึกพุทโธ ทุกสิ่งต่างๆ จะเข้ามาถึงเราไม่ได้เลย จะเข้าใกล้เราไม่ได้เลย

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของเราได้จริง ถ้าเราจริงกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ที่ใจ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พุทธะ ผู้รู้ไง คือหัวใจของเรา หัวใจของเราถ้าเราย้อนกลับมาที่ใจของเรา เราจะเป็นประโยชน์กับเรา สิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นมา มันเพราะเราไปทำนะ จะเป็นสิ่งต่างๆ สิ่งที่ว่าเป็นอาชีพอะไรเราเป็นคนทำ

ใช่อยู่... เราต้องอาศัย เราต้องใช้ เพราะเราเกิดมา เราต้องมีปัจจัย ๔ ต้องมีอาหารการกิน ต้องมีสิ่งที่อาศัยกันไป เราก็อาศัยกันไปเวลาเราทำงาน แต่เราต้องนึกถึงตัวเราเองด้วย นึกถึงหัวใจด้วย

คนเรามีกายกับใจ เวลาร่างกายต้องการสิ่งใด เราก็หามาปรนเปรอมันพอแต่ที่มันจะเป็นไปได้ แล้วเราระลึกถึง ให้คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระธรรม เห็นไหม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พูดถึงอริยสัจนะ

นี่พูดถึงนรก-สวรรค์เท่านั้นเอง พูดถึงวัฏวน วนไปตามวัฏฏะเท่านั้น แต่ถ้าพูดถึงอริยสัจ เห็นไหม พูดถึงทุกข์ พูดถึงสมุทัย พูดถึงนิโรธ พูดถึงมรรค อันนั้นละเอียดอ่อนเกินไปที่เราจะศึกษา เราจะเข้าใจ เพราะเราไม่เข้าใจ เราไม่ศึกษาธรรม

เราไม่เข้าใจธรรม พอพูดถึงธรรมต้องมาพูดศัพท์ก่อน สัญญาคืออะไร เวทนาคืออะไร เพราะเราไม่สนใจ เราไม่สนใจเลย ศีล ๕ คืออะไรยังท่องไม่ได้ จำไม่ได้ “ปาณาติปาตา เวรมณี” ฆ่าสัตว์เป็นบาปๆ เราไม่ควรทำ

ถ้าเราไม่ควรทำ เราไม่ควรฆ่าสัตว์ เราก็ต้องไม่เบียดเบียนเขา ก็ไม่เบียดเบียนเราด้วย มีศีลด้วย มีธรรมด้วย ศีลคือความเป็นเครื่องกั้น ธรรมคือความเมตตา ศีล ๕ ธรรม ๕ ไม่ฆ่าเขาด้วย มีความเมตตาด้วย ให้รักษาศีลของเราขึ้นมา เห็นไหม มีศีลขึ้นมาแล้วจะรู้เรื่องของบัญญัติ

สมมุติบัญญัติ พระพุทธเจ้าบัญญัติขึ้นมาเพื่อจะให้สื่อความหมายกัน เราสื่อความหมายเพื่อให้เข้าถึงขันธ์ ขันธ์คืออะไร? คือสัญญา คือสังขาร สังขารคืออะไร? สังขารคือความคิด ความปรุง ความแต่ง เห็นไหม มันก็มีเครื่องมือ มันก็มีความรู้สึกว่า อ้อ... ความคิดของเราเป็นสังขารปรุงแต่ง สิ่งที่ปรุงแต่งมันก็เกิดดับ แล้วเราจะไปทุกข์กับมันทำไม เวลามันเกิดขึ้นมา มันทำให้เราคิดมาก เราจะคิดทุกข์ไปกับมันทำไม นี่เราต้องศึกษา

พอศึกษาขึ้นมานะ เราจะย้อนกลับเข้ามา มันจะเห็นความคิดของเรา นี่ความคิดเป็นนาย ความคิดทำให้เราตื่นเต้นไปกับโลกสงสาร เวลาเขาข่าวลือขึ้นมา เราก็ตื่น ตื่นทุกอย่างที่มันเป็นความคิดเพราะอะไร? เพราะเราไม่รู้อะไรเลย เราจะรู้แต่สิ่งที่ว่าเกิดขึ้นจากภายนอก สิ่งที่เป็นภายนอก แต่เรื่องนามธรรมไม่มีใครเข้าใจ เรื่องของใจไม่มีความเข้าใจ

เวลาพูดถึงนะ พุทโธถึงสำคัญไง พุทโธนี่เป็นรากเหง้า เป็นของความคิด ความคิดจะเกิดมา ความคิดเป็นลูกของพุทโธ พุทโธนี้เป็นแม่ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น แล้วความคิดจรมาเป็นชั้นเป็นคราวขึ้นมา มันขึ้นมาได้มันก็สงบได้ พอมันสงบได้ขึ้นมาย้อนกลับเข้ามาในการประพฤติปฏิบัติ ไม่อย่างนั้นศาสนาจะสำคัญตรงไหน

ศาสนาสำคัญตรงที่หัวใจมันถึงที่สุดได้ หัวใจของเราประพฤติปฏิบัติแล้วมันจะเข้าใจเรื่องของหัวใจ เรื่องของอย่างอื่นๆ เรื่องความเป็นไปของโลกเขานั้นเป็นเครื่องอยู่อาศัยทั้งหมดเลย มันเป็นที่อาศัย เราก็อาศัยมันไป

อาศัยเท่านั้น! มันไม่จริง ถ้ามันไม่จริงเราก็ไม่ยึดมันจริง ไม่ยึดมันจริงมันก็เป็นเจ้านายเราไม่ได้

เราเป็นเจ้านายเงินตรา เราเป็นเจ้านายวัตถุสิ่งของ เราใช้เขา แต่พวกเรานี่ให้พวกนั้นใช้เรา เห็นไหม ทำทุกอย่างที่มันบัญชาการ สร้างขึ้นมาแล้วก็บำรุงรักษาอยู่อย่างนั้น ต้องเป็นขี้ข้าเช็ดถูตลอดไป จะเป็นประโยชน์มากน้อยขนาดไหน ใครเป็นขี้ข้าใคร

ถ้าพูดถึงเราพัฒนาใจของเรา ใจเราเป็นเจ้านาย เราจะใช้เขาแล้วแต่ความจำเป็น แล้วเราจะไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งนั้น มันจะทำลายไป มันจะเสียหายไป เราก็ไม่เสียใจ ถ้าเราไม่เสียใจ เราก็รักษาใจของเราได้ เห็นไหม เห็นพุทโธหรือยัง พุทโธอยู่ที่ใจของเรา พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่นอยู่ที่ใจของเรา ใจของเรามีอยู่ เราต้องรักษาใจของเรา ศาสนาสอนอย่างนั้น

ถ้าเราเริ่มเวียนเทียน เริ่มเข้าใจวันสำคัญ ถ้าเข้าใจวันสำคัญ เราทำเป็นวันๆ ไป เราก็คิดถึงนะ เห็นประโยชน์กับเรา ถ้าเราไม่เข้าใจวันสำคัญเลย เราจะไม่มีความสำคัญอะไรเลย ในชีวิตนี้จะลอยไปตามความคิด

คนที่มีวุฒิภาวะของใจ เขาจะเห็นความสำคัญของวันเวลาของเขาตลอด เขาจะประพฤติปฏิบัติตลอด เพื่อ! เพื่อใจของเขา แล้วยิ่งวันสำคัญนี้เขายิ่งทำให้อุกฤษฏ์ขึ้นไปอีก เห็นไหม เนสัชชิกนะ พระปฏิบัติอยู่ในป่ากันนะ ไม่นอน วันนี้จะไม่นอนกัน จะทำทั้งวันทั้งคืน ๒๔ ชั่วโมงตลอดไปเลย เพราะอุทิศบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันมีสูงมีต่ำ มีหยาบมีกลาง เห็นไหม เวลาลึกมันจะลึกมาก ทำให้ถึงหัวใจ เพราะมันมีโอกาส

เราก็มีโอกาสเพราะเราไม่ได้ทำแบบนั้น เรามีโอกาสมาเพื่อเวียนเทียน เวียนเทียนเพื่อระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่วันนี้เป็นวันขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วันเกิด วันตรัสรู้ แล้ววันปรินิพพาน เราเวลาเวียนเทียน เราจะพาเวียนเทียนนะ

นี่พูดให้ฟัง ความเข้าใจถึงว่าเวียนเทียนเพื่อประโยชน์กับตัวเราเอง เวียนเทียนเพื่อประโยชน์กับหัวใจของเราเอง เราทำเพื่อหัวใจของเรา ใครทำใครได้ ใครไม่ทำคนนั้นจะไม่ได้ เราถึงต้องทำของเราขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของเรา

ศาสนานี้เป็นเรื่องของนามธรรม เรื่องของวัตถุนั้นเป็นอามิส เป็นสิ่งที่ว่าให้คนที่ว่าหยาบๆ ทำเพื่อให้ใจได้กระทำ แต่ขณะทำที่เป็นกิริยานี้เป็นบุญกุศล กิริยาการปฏิบัติบูชานี้ปฏิบัติบูชาขึ้นมาเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นมา เป็นเอกเทศขึ้นมาเป็นชั้นเป็นตอน เอวัง